วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

boyนำมาบอก

สาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ เปิดสูตรลับ ทำง่ายขายดี 30 ปี ใครอยากเรียนจะสอนให้ทำได้

[font=Tahoma,] [size=2][color=#000000][b]ขนมแบบไทยๆ เรานั้นมีหลากหลายมากมายนัก ทั้งประเภทนึ่ง อบ ต้ม ทอด ปิ้ง ย่างสารพัดอย่างนับไม่ถ้วน แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นและความนิยมของผู้บริโภค ขนมบางชนิดจัดเป็นขนมมงคลหรือจัดเป็นขนมประเพณีก็มีมากนี่แสดงว่าคนไทยเรามี ความผูกพันกับขนมมานมนานและแน่นอนว่าขนมบางชนิดขายดิบขายดีจนมีการทำเป็น อาชีพหรือการค้าสร้างรายได้[/b]

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชนได้มีการเปิดสอนขนมไทยหลายชนิด และล่าสุดนี้จะเปิดสอนขนมอีกหนึ่งหลักสูตรขนมชนิดนี้เชื่อว่าจะถูกใจใครหลาย คน เพราะเป็นขนมที่ตัวของมันเองขายได้คือไม่ต้องทำหลายอย่างให้วุ่นวาย แต่ทำเพียง 1-2 อย่าง ก็ขายคู่กันได้

นั่นก็คือ "สาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ" เป็นขนม 2 ชนิดแต่ขายคู่กันในหม้อนึ่งเดียวกันพอเอ่ยชื่อออกไปหลายคนคงจะคุ้นเคยเป็น อย่างดีบางคนอาจจะเรียกว่าขนมสาคูไส้หมู แต่เชื่อหรือไม่ไส้ของขนมชนิดนี้ไม่มีหมูแม้แต่น้อย ซึ่งจริงๆ จะใส่หมูด้วยก็ได้แต่ที่นิยมกันกลายเป็นไส้หัวไชเท้าเสียนี่กระไร

ผมจะพาท่านไปรู้จักกับขนมสาคู ข้าวเกรียบปากหม้อเจ้าหนึ่งที่ตั้งร้านอยู่ไม่ไกลกับศูนย์อาชีพฯ มติชน มากนักคือตั้งร้านอยู่ที่ถนนริมคลองประปา ซอยโรงกรองน้ำบางซื่อร้านอยู่สุดซอยเกือบจะติดกับโรงกรองน้ำเลยทีเดียว ชื่อร้านว่า "อุบล สาคูข้าวเกรียบปากหม้อ" เจ้าของร้านมีชื่อว่า "จีรวรรณ สายเงิน" หรือชื่อเดิม"อุบล" ตามชื่อร้านนั่นละ

ที่มาที่ไปในการไปค้นพบร้านแห่งนี้มาจากคุณชาญสิทธิ์ สายเงิน ที่ทำงานเป็นผู้ตรวจ ประจำส่วนบำรุงรักษาคลองส่งน้ำการประปานครหลวง ซึ่งแวะเวียนจดๆ จ้องๆ มาที่มติชนหลายหนเพราะทราบว่ามีศูนย์อบรมสารพัดอาชีพที่คิดว่าแม่บ้านของตน เองน่าจะมาถ่ายทอดความรู้ในการทำขนมและอาหารต่างๆ ได้บ้างอีกทั้งก่อนหน้านี้หลานชายของคุณชาญสิทธิ์ เคยมาเรียนที่มติชนได้เล่าให้ฟังถึงการเปิดสอนอาชีพและตัวหลานชายคนนี้เองก็ เคยเล่าให้ผมได้ฟังว่า ตนเองมีป้าที่ทำขนมสาคูข้าวเกรียบปากหม้อได้อร่อยมาก

ผมได้ฟังครั้งแรกก็ยังไม่ติดใจเท่าไรนัก จนวันหนึ่ง คุณชาญสิทธิ์หิ้วเอาขนมที่ว่ามาชุดใหญ่ บอกว่าช่วยชิมดูเป็นขนมของภรรยาตนเอง ถ้าเห็นว่าอร่อยก็จะมาสอนให้ เพราะอายุเริ่มมากขึ้นลูก 2 คนไม่มีใครสืบทอดเลย ไปทำอาชีพค้าขายอย่างอื่นหมดทั้งที่น่าจะได้รับการเผยแพร่ออกไปคือมั่นใจว่า จะทำเป็นอาชีพได้เป็นอย่างดี

ผมชิมขนมสาคูเป็นคำแรกต่อด้วยข้าวเกรียบปากหม้อซึ่งปกติก็ไม่ค่อยจะชอบรับ ประทานขนมชนิดนี้เท่าไรนักแต่ก็ต้องยอมรับว่ารสชาติไม่เลว อร่อยกว่าหลายเจ้าที่เคยรับประทาน เพื่อนๆหลายคนก็บอกตรงกันว่า รสชาติผ่านอาจจะมีบางคนที่ติเรื่องแป้งข้าวเกรียบปากหม้อ ว่านิ่มไปบ้างแต่โดยรวมถือว่าน่าจะเป็นต้นแบบได้

เพื่อให้เห็นกับตาอย่างที่เขาบอกว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นผมก็ตัดสินใจไปที่ร้านในบ่ายวันหนึ่ง ประมาณ 16.00 น.ซึ่งเป็นช่วงที่ร้านเปิดพอดี ได้พบกับคุณชาญสิทธิ์ และคุณจีรวรรณซึ่งต่อไปนี้ผมจะขอเรียกว่า "อาจารย์ป้าจีรวรรณ"เพราะได้ตอบตกลงใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายว่าจะมาเป็น "ครู"ให้กับผู้ที่ใคร่จะได้วิชา

อาจารย์ป้าจีรวรรณ เล่าให้ฟังว่าคลุกคลีกับอาชีพค้าขายมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นอายุ 17 ปีเริ่มจากอาชีพรับจ้างทั่วไป เพราะมีความรู้น้อย จบแค่ ป.4สถานที่ทำงานของเธอจะอยู่ในวัดสะพานสูงเสียเป็นส่วนใหญ่เพราะมีงานวัด อยู่เรื่อยๆ มีการออกร้านอยู่เนืองๆลักษณะงานที่ทำจึงเป็นลูกจ้างร้านค้าเหล่านั้นแล้ว แต่ว่าใครจะจ้างให้ทำอะไร

อยู่มาวันหนึ่งได้เห็นเพื่อนที่อยู่ร้านค้าใกล้กัน เขาทำสาคูไส้หมู เห็นทำเป็นจำนวนมากผัดไส้แต่ละครั้งเป็นกระทะ จึงเกิดความสนใจ และเข้าไปอาสาช่วยผัดไส้เขาก็สอนให้ใส่โน้นใส่นี่จนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำเป็นอาชีพในตอนนั้น ยังคงพิสมัยกับอาชีพรับจ้างทั่วไป

กระทั่งอายุได้ 28 ปี ได้มีครอบครัว มีลูกที่ต้องรับภาระรายจ่ายต่างๆเพื่อช่วยสามีอีกแรงหนึ่ง ก็คิดว่าน่าจะทำอาชีพอะไรที่เป็นของตัวเองขืนทำงานรับจ้างอยู่ต่อไปคงไม่ดี แน่ก็คิดขึ้นได้ว่าพอมีความรู้เรื่องการทำขนมสาคู ข้าวเกรียบปากหม้อจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะนำความรู้มาใช้กับตัวเอง

ในการทำครั้งแรกไม่ยากนัก เพราะว่าเคยเป็นลูกมือช่วยเพื่อนทำมาก่อนแต่ก็ได้ปรับปรุงดัดแปลงสูตรตามรส ชาติที่ตัวเองคิดว่าอร่อยและเปิดขายที่หน้าบ้านซึ่งตั้งอยู่ใกล้วัด ก็ปรากฏว่าขายได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ดี ในการขายช่วง 10 ปีแรก ทำๆ หยุดๆเพราะว่ามีความรู้ในการทำขนมและอาหารอื่นๆ ออกขายสลับจนบางครั้งถึงกับทิ้งสาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ จนเมื่อ 20ปีที่ผ่านมานี้ได้ทำขายอย่างจริงจังแม้ว่าจะทำขนมและอาหารอย่างอื่นออกขาย บ้างแต่ก็ไม่เคยทิ้งขนมตัวนี้

เพราะอะไรจึงมีความผูกพันกับสาคู ข้าวเกรียบปากหม้อทั้งที่ได้ทราบจากการคุยเบื้องต้นว่า อาจารย์ป้าจีรวรรณ ทำหอยทอดผัดไทยได้อร่อยมาก ยิ่งข้าวเหนียวมะม่วง ช่วงหน้ามะม่วงต้องใช้ข้าวเหนียววันละ 2กระสอบใหญ่ เทียบเป็นรายได้ก็หลักหมื่นบาทขึ้นไป

คำตอบก็คือว่าสาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ ทำขายได้ทุกวัน เป็นอาหารว่างรับประทานเล่นๆทำคนเดียวก็ทำได้ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเตรียมของอะไรมาก ผิดกับหอยทอด ผัดไทยต้องอยู่หน้าเตาไฟผัดกันตลอดทั้งวันและข้าวเหนียวมะม่วงจะขายได้ดี เฉพาะช่วงที่มีมะม่วงออกเยอะ ปีหนึ่งๆก็มีแค่เดือนมีนาคม-เมษายนเท่านั้น

ที่สำคัญที่สุดอาจารย์ป้าจีรวรรณมีความผูกพันกับลูกค้าผู้มีอุปการคุณ ที่สั่งขนมสาคูข้าวเกรียบปากหม้อทุกวัน สมัยที่พรรคความหวังใหม่ยังรุ่งเรืองและที่ทำการพรรคตั้งอยู่ไม่ไกลกัน คุณหญิงหลุยส์-พันธุ์เครือ ยงใจยุทธ(ภรรยา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรค)ได้สั่งไปเลี้ยงลูกพรรคอยู่เรื่อยๆ สัปดาห์ละ 400 กล่องและทราบว่าตัวคุณหญิงหลุยส์ ชอบรับประทานเป็นอย่างมากลูกค้าประจำอีกรายหนึ่งคือ โรงพยาบาลนนทเวช ทุก 2-3 วัน จะสั่งอย่างละ 150ลูก รวม 2 อย่าง 300 ลูก ทราบว่านำไปเลี้ยงผู้ป่วยในโรงพยาบาลและเกือบทุกครั้งจะมีหมอ พยาบาล สั่งใส่กล่อง กล่องละ 20 บาท พ่วงมาด้วยและลูกค้าประจำอีกรายจะเป็นแม่ค้าที่ตลาด อ.ต.ก. จะสั่งทุกวัน อย่างต่ำ100 ลูก และวันที่มีออร์เดอร์เยอะๆ จะสั่งอย่างละ 350-500 ลูกอีกทั้งมีลูกค้าที่สนามบินสุวรรณภูมินี่ยังไม่นับรวมลูกค้ารายย่อยขา ประจำที่แวะมาซื้อที่ร้านคนละกล่องสองกล่องเรียกว่าหยุดไปวันไหนจะมีลูกค้า มาถามหาทันทีว่าหายไปไหน

กับการตัดสินใจมาเปิดสอน ซึ่งจะต้องใช้เวลาครั้งละ 1 วัน อาจารย์ป้าจีรวรรณบอกว่าตอนนี้ไม่น่าห่วง เพราะมีตัวตายตัวแทน คือหลานสาวสามารถมารับผิดชอบงานขายไปได้แล้ว

เหตุผลที่ตกลงปลงใจมาเปิดสอนให้กับผู้สนใจที่ศูนย์อาชีพฯ มติชน เพราะคิดว่าอายุเริ่มมากขึ้นทุกวันในขณะที่ความรู้ที่ตนเองมีอยู่หากไม่ถ่าย ทอดให้คนรุ่นหลังก็จะไม่มีคนสืบทอดซึ่งมั่นใจว่าใครที่ได้สูตรไปจะสามารถยึด เป็นอาชีพได้เป็นอย่างดี

"ตัวเองอายุ 60 ปีเข้าไปแล้วความรู้ที่มีอยู่ก็มากพอที่จะถ่ายทอดคนอื่นได้บ้าง ที่ผ่านมามีคนมาขอสูตรถามสูตรอยู่เหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละไม่ค่อยมีใครจะสนใจทำจริงจังสักเท่าไรทั้งที่เป็นอาชีพที่มี รายได้ดี" อาจารย์ป้าจีรวรรณ กล่าวย้ำและบอกว่าให้ดูตัวเธอเองที่มีรายได้จนสามารถส่งลูกให้เรียนจบปริญญา ตรี

ทุกวันนี้ยังมีหลาน 2 คน ที่นำสูตรสาคู ข้าวเกรียบปากหม้อไปขายคือหลานคนแรกขายอยู่ที่ย่านบางพลัด หน้าโรงเรียนสตรีบูรณวิทย์ใกล้ห้างโลตัส อีกคนขายที่ย่านแจ้งวัฒนะ ซึ่งก็ขายได้ดีเช่นกัน

วกมาที่เรื่องการเปิดสอน ซึ่งจะใช้เวลา 1 วัน เริ่มตั้งแต่ 09.00 น.จะแนะนำเรื่องวัตถุดิบจำพวกเครื่องปรุงชนิดต่างๆและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ว่า มีอะไรบ้าง ถัดจากนั้นจะสอนการผัดไส้สาคูแนะเคล็ดลับต่างๆ ต่อด้วยการแช่แป้งสาคู

ช่วงบ่าย (13.00 น.)จะเริ่มผสมแป้งสาคูและข้าวเกรียบปากหม้อ สอนการปั้นแป้งสาคูและเริ่มปฏิบัติการทำสาคู และข้าวเกรียบปากหม้อ บนหม้อนึ่งโดยผู้สอนจะสาธิตให้เห็นทุกขั้นตอนจากนั้นให้ผู้เรียนผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันทำ โดยจะแบ่งเป็น 2 ชุด 2 กลุ่มเพื่อให้ทั่วถึงกัน

ปิดท้ายจะสอนเรื่องต้นทุนกำไร เทคนิคการค้าขาย การบริการให้ประทับใจลูกค้า ตลอดจนการลงทุนเริ่มต้น บอกแหล่งซื้อวัตถุดิบต่างๆ

สำหรับการลงทุนเริ่มต้นจะหนักบ้างตรงที่ต้องมีหม้อนึ่ง 1 ชุด ตกราคา 3,000 บาทซึ่งจะมี 3 กรวย (ดูจากรูป) ใช้ทำสาคู 1 กรวย อีก 2 กรวยจะเป็นข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ จะมีถาดสเตนเลส หม้อ กระทะเตาแก๊ส ฯลฯ เบ็ดเสร็จจะใช้เงินลงทุน ประมาณ 6,000 บาทก็จะได้อุปกรณ์ครบชุด รวมทั้งเป็นเงินหมุนเวียนในการซื้อวัตถุดิบต่างๆ

จากเรื่องราวทั้งหมดที่ได้บอกเล่ามานี้ก็คิดว่าคงพอจะเป็นข้อมูลในการตัดสิน ใจมาเรียนได้ระดับหนึ่ง ขอย้ำว่าสาคูรสชาติหวานมันอร่อย เนื้อแป้งนุ่มนวลเหนียวไม่เละ ไม่กระด้าง เช่นเดียวกับข้าวเกรียบปากหม้อเก็บไว้ได้นานไม่คืนตัว รับประทานกับผักกาดหอม ผักชี พริกขี้หนูสวนอร่อยนักแล อ๋อ!...ผักชีของร้านนี้รากสะอาดสะอ้านเพราะเขามีกรรมวิธีการล้างที่พิถี พิถันนั่นเอง (ถ้ารากผักชีไม่สะอาดแสดงว่าไม่ใช่ของแท้-เจ้าของฝากบอกมา)

หรือใครจะลองไปพิสูจน์รสชาติก่อนมาเรียน ก็ไม่ผิดกติกาใดๆ จากคลองประปาประชาชื่น ให้ตรงไปสี่แยกไฟแดงตรงถนนบางซื่อ-เตาปูนตัดผ่าน หัวมุมจะมีศูนย์จำหน่ายรถกระบะอีซูซุเข้าไปเกือบสุดถนน ทางเดียวกับที่ไปโรงกรองน้ำบางซื่อ ถามหาร้านสาคูข้าวเกรียบปากหม้อ จะรู้จักกันดี

[b]ต่อเมื่อมั่นใจแล้วจะโทรศัพท์สมัครเรียน เพื่อเป็นศิษย์รุ่นแรก (เปิดสอน วันที่ 5 ตุลาคม2551)ก็ใช้เบอร์โทร. (02) 589-2222 ต่อ 2100-2103 ค่าเรียน 1,605บาท...เหมือนเดิมครับ [/b]





[b]ทำขนม ขายตามฤดูกาล

ทำได้ดี ไม่มีจน...

พร้อมแบ่งปันความรู้[/b]



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ระยะหลังๆ มานี้มีหลายท่านที่ได้สอบถามว่าเมื่อไรขนมแบบไทยๆ จะเปิดสอนบ้างจึงเป็นหน้าที่ของผมที่จะเสาะแสวงหาผู้มีความรู้ มีประสบการณ์มาทำการเปิดสอน บางครั้งก็หายากอยู่เหมือนกัน คนที่พร้อมจะสอนหรือพร้อมจะทำหน้าที่เป็น "ครู" นั้นใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆยิ่งเวลานี้สังคมของบ้านเราเห็นแก่ตัวกันมากขึ้นทุก วันมีอะไรกระทบกระทั่งกันนิดๆ หน่อยๆ ก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวจะเป็นจะตายกันให้ได้

ผมว่าสังคมไทยต้องรู้จักให้อภัยแก่กันและสิ่งสำคัญ มีอะไรดีก็ต้องแบ่งปันกัน เพื่อความปกติสุขจะบังเกิดขึ้นอย่านิ่งดูดาย หากตัวเรามีอะไรที่พอจะช่วยเหลือกันได้ก็ต้องช่วยเหลือกันไป

ฉบับนี้ผมมีวิทยากรใหม่ที่มีจิตใจมุ่งมั่นพร้อมจะแบ่งปันความรู้ที่มีอยู่ ให้กับผู้สนใจในเรื่องของขนมไทยหลากหลาย นามว่า "ลดาวัลย์ เดชะวุฒิพงษ์"

เธอผู้นี้เปิดร้านขายขนมมานมนาน โดยขายที่หน้าบ้านของตนเองที่ตลาดเช้าเซ็นต์หลุยส์ ถนนจันทน์ เขตสาทร ตั้งแต่ช่วง 05.00-10.00 น.ขายไปขายมารู้สึกว่าประสบการณ์พอเพียงที่จะทำหน้าที่เป็นวิทยากรสอนคนอื่น ได้บ้าง



[b]รู้จักวิทยากร[/b]

อาจารย์ลดาวัลย์จบมัธยมศึกษาปีที่ 5 จาก โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพฯ ปี พ.ศ. 2535เข้ารับการอบรมวิชาคหกรรมศาสตร์ (จากวิทยาเขตพระนครใต้)

ได้ทำอาชีพค้าขายมาตั้งแต่เด็ก กับคุณพ่อ คุณแม่ มองว่าการทำขนมขายน่าจะเป็นอาชีพ

อย่างหนึ่ง จึงเข้ารับการอบรมและสำเร็จหลักสูตรขนมไทย-อาหารไทย จากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครใต้ เมื่อปี 2539

จากนั้นมาก็ประกอบอาชีพขายขนมไทยมาตลอดขนมที่เคยขายมีมากมายหลายรายการเน้น ขายหมุนเวียนไปตามฤดูกาลและเทศกาลต่างๆ หรือตามที่ลูกค้าสั่ง

อาจกล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จในงานขายขนมไทยพอสมควรมีรายได้ที่สามารถสร้าง ครอบครัวเล็กๆ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีรวมเวลาที่ประกอบอาชีพขายขนมมานาน 17 ปี

จุดเด่นของขนมที่ทำขายเป็นขนมหารับประทานได้ทั่วไป สามารถเป็นขนมในพิธีมงคลต่างๆ ได้ความอร่อยอยู่ที่รสชาติ สามารถเป็นของฝากให้ผู้ใหญ่ในเทศกาลต่างๆใช้เป็นขนมต้อนรับแขกต่างเมืองได้

"ช่วงเทศกาลตรุษจีน สารทจีน จะมีรายได้จากการทำขนมที่เกี่ยวเนื่องมาก จนสามารถ

มีเงินเก็บ+ซื้ออุปกรณ์ชิ้นใหญ่ได้ หรืออย่างเทศกาลกินเจ ทำขนมกล้วย ฟักทอง และขนมชนิดอื่นๆ ก็ไปได้ดีมาก

เคยออกรายการโทรทัศน์ของช่อง 3 และช่อง 11 ช่วงยุคเศรษฐกิจตกต่ำ ในรายการ

"เพื่อนคู่คิด" เพื่อสนับสนุนให้คนส่วนใหญ่ที่ตกงานได้มีรายได้และมีกำลังใจต่อสู้ต่อไป" อาจารย์ลดาวัลย์พูดถึงความประทับใจในอาชีพขายขนมช่วงที่ผ่านมา



[b]ตัวอย่างขนมที่ขาย[/b]

อย่างที่บอกไว้ข้างต้น อาจารย์ลดาวัลย์ จะเน้นการขายขนมหมุนเวียนตามฤดูกาลหรือเทศกาลที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น ช่วงต้นปีเดือนมกราคม อากาศยังหนาวอยู่และเพิ่งพ้นเทศกาลปีใหม่หยกๆ จะขายพวกชิฟฟ่อนเค้กใบเตยโรยหน้ามะพร้าวเค้กผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะเค้กส้ม เป็นที่นิยมของลูกค้าขาประจำว่าอร่อยมาก

เดือนกุมภาพันธ์ ใกล้เทศกาลตรุษจีน จะทำขนมเทียน ขนมเข่งออกขาย ซึ่งขายดิบขายดีมาก

เดือนมีนาคม-เมษายน จะทำซาลาเปา และกะหรี่ปั๊บออกขาย ซึ่งจะมีหลากหลายไส้ โดยเฉพาะซาลาเปา จะเป็นตัวยืนทำขายเกือบทั้งปี

เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน-กรกฎาคม จะยังขายซาลาเปา แต่จะแซมด้วยขนมกล้วย ฟักทอง โดนัทเนยสด ฯลฯ

เดือนสิงหาคม จะกลับมาขายขนมเทียน ขนมเข่ง และปุยฝ้ายอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรับเทศกาลสารทจีน

เดือนกันยายน-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลกินเจ จะขายขนมกล้วย ฟักทอง ซาลาเปา และกะหรี่ปั๊บเจ

เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ใกล้จะถึงวันปีใหม่ เตรียมขายพวกขนมเค้กต่างๆซึ่งจะขายดีช่วงใกล้วันปีใหม่ ต่อเนื่องไปถึงเดือนมกราคมของอีกปี

นอกจากขนมดังกล่าว ยังทำขนมอื่นๆ ขาย เช่น หยกมณี ทับทิมกรอบ ขนมดอกจอกกรอบเค็ม วุ้นมะพร้าวอ่อน สังขยาจิ้มขนมปัง น้ำสลัด (สูตรน้ำข้น)ขนมเปี๊ยะ คุกกี้ ฯลฯ



[b]พร้อมเปิดสอน 3 วิชา [/b]

วิชาขนมที่จะเปิดสอนตามที่อาจารย์ลดาวัลย์ ได้นำเสนอมานั้นมีมากมายหลากหลายรายการ แต่ที่จะเลือกมาสอนนั้นจะจับกลุ่มเป็น 3 วิชาก่อน

วิชาที่ 1 เป็นขนมไทยประเภทนึ่ง ซึ่งจะมีสอน 4 รายการ คือ ขนมกล้วย ขนมฟักทอง ขนมชั้น และขนมมันสำปะหลัง

รูปแบบของขนม จะเน้นการทำที่รวดเร็วเหมาะกับยุคสมัย เช่น ขนมกล้วยและขนมฟักทองจะทำในพิมพ์เล็กๆ เช่นเดียวกับขนมชั้นและมันสำปะหลังจะทำในพิมพ์รูปกระต่าย จะไม่ทำเป็นถาดแต่จะสอนให้นำไปดัดแปลงเป็นถาดได้

(ค่าเรียน 1,605 บาท เปิดสอน วันที่ 19 ตุลาคม 2551)

วิชาที่ 2 ขนมมงคลคนจีน จะสอนทำขนมเข่ง ขนมเทียน และขนมปุยฝ้าย

จุดเด่นของขนมเข่ง แป้งจะนุ่ม ถ้าไม่โดนน้ำเก็บไว้ได้ 1 สัปดาห์เช่นเดียวกับขนมเทียน แป้งเหนียวนุ่ม เก็บไว้ได้ 3-4 วันไม่ขึ้นราส่วนปุยฝ้ายก็อร่อยไม่แพ้กัน แป้งจะหอมนุ่มไม่กระด้าง

(ค่าเรียน 1,605 บาท เปิดสอน วันที่ 25 ตุลาคม 2551)

วิชาที่ 3 ขนมไทยประเภทกวน ประกอบด้วย ขนมหยกมณี ขนมตะโก้ไส้ต่างๆ คือ ไส้สาคู เผือก แห้ว และข้าวโพด

รูปแบบการทำขนมตะโก้ไส้ต่างๆ จะทำใส่ถ้วยพลาสติคเพราะที่ผ่านมามักจะทำคนเดียวไม่ได้มีลูกมือช่วย จึงไม่ใช้ใบตองแต่ก็จะสาธิตให้ดูชมพอเป็นแนวทาง

(ค่าเรียน 1,605 บาท เปิดสอน วันที่ 26 ตุลาคม 2551)

ขนมแต่ละชนิดที่อาจารย์ลดาวัลย์ เลือกสรรมาสอนนั้นเธอมั่นใจมากว่าอร่อยไม่น้อยหน้าใครคิดดูก็แล้วกันว่าวัน ใดที่หยุดขายลูกค้าจะถามหาทันที ลูกค้าบอกว่าหาซื้อจากท้องตลาดทั่วไปก็ไม่อร่อยเท่าซึ่งขนมของเธอจะเน้น คุณภาพของวัตถุดิบ เช่น ขนมกล้วยหรือขนมฟักทองก็จะเน้นเนื้อของกล้วย และฟักทองไม่ผสมแป้งมากเกินไปจนเสียรสชาติของความเป็นขนมชนิดนั้นๆ

ขนมทุกชนิดทุกรายการที่สอนนั้น จะเป็นสูตรที่เรียนจากสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนครใต้ แต่เป็นสูตรที่มีการประยุกต์จากประสบการณ์ของตนเองซึ่งจะเหมาะกับผู้สนใจที่ ต้องการนำไปทำเป็นการค้าแบบที่ว่าไม่ต้องไปลองผิดลองถูกกันให้เสียเวลานาน แต่สามารถนำไปต่อยอดหรือพัฒนาเพื่อทำขายได้ทันที

รายละเอียดวันเวลาเปิดสอน และวิธีสมัครเรียน ตรวจสอบได้จากตารางโปรแกรมอบรมเดือนกันยายน-ตุลาคม 2551





[b]หนังสืออาหารทำเงิน

เคล็ดลับจากครู 3

ออกวางจำหน่ายแล้ว[/b]



ขอฝากข่าวไปยังทุกท่านที่ถามหาหนังสืออาหารทำเงิน เคล็ดลับจากครู 3 โดย ลุงพร ชอนอาชีพ ว่าเมื่อไรจะออกวางจำหน่ายสักที

บัดนี้ได้ฤกษ์ออกวางจำหน่ายตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศแล้ว

ขอให้ช่วยบอกต่อๆ กันไปด้วย เพราะว่าเล่มนี้มีทีเด็ดเคล็ดลับคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าเล่มจะเล็กลงนิด หน่อยเมื่อเทียบกับเล่ม 1-2แต่ก็ไม่เอาเปรียบ เมื่อเล่มเล็กลงราคาก็ลดลง คือเล่มละ 200 บาทจากที่เคยขายเล่มละ 250 บาท

เนื้อหาสาระในเล่มนี้ มีอยู่ด้วยกัน 10บทเรียน 10 สูตรเด็ดแต่ละสูตรมั่นใจว่าอ่านทำความเข้าใจสักเที่ยวสองเที่ยวก็จะสามารถลง มือทำตามได้

ประกอบด้วย กล้วยทอดสูตรเชฟนอก (สูตร อาจารย์วิทย์ จุลมุสิอดีตเชฟคนไทยที่ได้รับการคัดเลือกไปขุดทองที่ประเทศอังกฤษ) ไก่ทอดหาดใหญ่(สูตร อาจารย์ศุภพิชญ์ โอภาสวิศิลย์ อดีตหัวหน้าโครงการอบรมอาหารยุโรปโรงเรียนการอาหารนานาชาติสวนดุสิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต)ขาหมูสูตรเตาถ่าน (สูตร อาจารย์ศุภกร ขำละเอียด) ข้าวหมกไก่สูตรต้นตำรับ(สูตร อาจารย์สุจิตรา ศรีนวล) ข้าวหมูแดงหมูกรอบ สูตรพริกแกง (สูตรอาจารย์กนกวรรณ คำผิว) ข้าวเหนียวมูน 7 สี 7 หน้า (สูตร อาจารย์อัจจิมาปิ่นรัตน์) น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋โซ้ยตี๋ (สูตร อาจารย์กิตินากองอนันตพงษ์) ส้มตำไฮโซ (สูตร อาจารย์วงเดือน โกษะโยธิน) ไอศกรีมชาวบ้าน(สูตร อาจารย์มนตรี กะตากูล) และ อาหารญี่ปุ่น ประเภทข้าวปั้นและข้าวห่อสาหร่าย (สูตร อาจารย์อรรถพล ทองสิมา)

นอกจากนี้ ยังมีสูตรเทียบเคียงที่เกี่ยวข้องอีก เช่น กล้วยทอดสูตรออมสิน กล้วยทอดร้อยหวี ไก่ทอดหาดใหญ่ขายตลาดนัด ฯลฯ

แต่ละสูตรล้วนเลือกสรรว่าทำขายได้จริง ที่สำคัญทำง่าย ไม่ยุ่งยากมากนักครูแต่ละท่านเปิดเผยความรู้ได้หมดจด ไม่ปิดบังแต่ก็นั่นแหละต้องยอมรับว่าการทำอาหารจากหนังสือมันก็ไม่เหมือน เรียนในห้องเรียนจริงๆ แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นแนวทางในการเริ่มต้นที่ดี

ภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างในการที่จะเริ่มต้นลงทุนสิ่งใดแต่ ก็อย่าท้อแท้ใจ มีบ้างที่บางครั้งท่านอาจหมดหวังหมดกำลังใจก็ขอให้เดินออกไปที่ถนน ท่านจะได้เห็นผู้คนขวักไขว่ รถราวิ่งแล่นไปมาหลายชีวิตกำลังมุ่งมั่นกับหน้าที่การงาน หลายอาชีพที่กำลังดำเนินไปคงจะมีสักอาชีพหนึ่งที่เหมาะกับตัวเราที่เราทำได้

หนังสืออาหารทำเงิน เคล็ดลับจากครู ทั้ง 3 เล่มพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความหวังและกำลังใจให้กับทุกท่านที่ จะก้าวเดินไปในอาชีพทำอาหารขาย

[b]อนึ่ง ท่านที่หาซื้อหนังสือตามร้านไม่ได้ กรุณาติดต่อสั่งซื้อที่บริษัท งานดี ในเครือมติชน โทร. (02) 580-0021 ต่อ 3324, 3327

แหล่งที่มาจาก เส้นทางเศรษฐี
[/b][/color][/size][/font]

boyshowขนมไทย

ตะโก้แห้ว
ส่วนผสม
ตัวขนม
แห้งต้มหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
น้ำลอยดอกไม้ 2 ถ้วยตวง
หน้าขนม
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ใส่น้ำลอยดอกไม้ในแป้งข้าวเจ้าทีละน้อยนวดจนแป้ง
นุ่ม แล้วใส่น้ำลอยดอกไม้ลงไปให้แป้งละลายหมด จนเข้ากันดี

2. ใส่แป้งที่ละลายไว้ลงในกระทะทอง ใส่น้ำตาลทราย ตั้งไฟกวนจนแป้งสุกข้น

3. ใส่แห้วที่หั่นไว้ลงกวนให้เข้ากัน

4. ทำหน้าขนมโดยละลายแป้งข้าวเจ้ากับหัวกระทิใส่น้ำตาล
ทรายลงคนให้เข้ากัน กวนด้วยไฟอ่อนๆพอแป้งสุกจึงยกลง

5. ตักตัวขนมใส่กระทงหรืดถาด แล้วหยอดหน้าขนมลงไป
ขณะที่หน้าขนมยังร้อนอยู่ ปล่อยฟักใว้ให้เย็นแล้วจัดใส่ภาชนะ

boyshowข่าวการเมือง

เตะ"ทวี" ขึ้นรองปลัด

"ธาริต"ดีเอสไอ อธิบดีคุกเข้ากรุ มาร�คอึ้งพบลิ้ม




ก๊วนนายกฯ-นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ พร้อมด้วยนายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัว และนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เดินจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปประชุมครม. เมื่อวันที่ 29 ก.ย.

ครม. มีมติอนุมัติเตะ "ทวี สอดส่อง" พ้นอธิบดี "ดีเอสไอ" โยก "ธาริต เพ็งดิษฐ์" จากเลขาฯ ป.ป.ท.คุมแทน "นัทธี จิตสว่าง" เข้ากรุเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยธ. ให้ "ชาติชาย สุทธิกลม" ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมาแทน ปลัดยธ.แจงโยกย้ายตามกลไกภาพรวมตามนโยบายรมว.ยุติธรรม ไม่เกี่ยวการเมือง

เมื่อ วันที่ 29 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ประชุมครม.อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง 8 รายของกระทรวงยุติธรรม ดังนี้ 1.นางชูจิรา กองแก้ว รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมบังคับคดี 2.นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมคุมประพฤติ 3.พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นรองปลัดกระทรวง 4.นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 5.นายชาตรี โชไชย ผอ.สำนักงานกิจการยุติธรรม เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 6.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ 7.นายภิญโญ ทองชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นเลขาธิการป.ป.ท. 8.นายชาติชาย สุทธิกลม ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์

รายงาน ข่าวแจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เมื่อกระทรวงยุติธรรมเสนอย้ายพ.ต.อ.ทวีเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายนัทธี จิตสว่าง จากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ที่ประชุมไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ใดๆ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม ก็ไม่ได้ให้ความเห็นเป็นพิเศษ

นาย อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการย้ายพ.ต.อ.ทวี อธิบดีดีเอสไอ ว่า เรื่องนี้ต้องไปถามรมว.ยุติธรรม เข้าใจว่าเป็นการโยกย้ายปกติประจำปี ผู้สื่อข่าวถามว่าเกี่ยวข้องกับกรณีที่นายกฯได้พบกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ทำสีหน้างง ก่อนย้อนถามว่าเกี่ยวข้องกับใคร เมื่อผู้สื่อข่าวระบุว่านายสนธิ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ยังไงหรือครับ ใครไปพบใคร"

เมื่อถามว่าเป็นเพราะพ.ต.อ.ทวีทำงานไม่สนองนโยบายใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เป็น การโยกย้ายปกติประจำปี เรื่องนี้ต้องถามรมว. ยุติธรรม

ที่ กระทรวงยุติธรรม นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การย้ายพ.ต.อ.ทวีเป็นการปรับกลไกภาพรวมตามนโยบายของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว. ยุติธรรม แม้ว่าพ.ต.อ.ทวีจะมีความสามารถในด้านการสอบสวนคดีโดยมีผลงานในคดีสำคัญหลาย คดี ซึ่งการย้ายมาเป็นรองปลัดกระทรวงเพื่อให้ดูแลภารกิจในจังหวัดชายแดนภาค ใต้ แทนนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวง อย่างไรก็ตาม การย้ายพ.ต.อ.ทวีครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่มีความเกี่ยวพันกับพรรคประ ชาธิปัตย์ เนื่องการสอบสวนในดีเอสไอทำงานในรูปแบบคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคณะพนักงานสอบสวนได้กลางคัน ส่วนสาเหตุที่ย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ไปทำงานในดีเอสไอ เพราะนายธาริตมีส่วนร่วมยกร่างกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษมาตั้งแต่ต้น เชื่อว่าจะสามารถเข้าไปปรับกลไกในองค์กร

นายกิตติพงษ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามยาเสพติด แต่ยังมีการลักลอบซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง รัฐมนตรีจึงต้องการผู้บริหารที่มีประสบการณ์เข้ามาแก้ปัญหายาเสพติด แต่การทำงานโดยผู้บริหารเพียงคนเดียวคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยนายชาติชาย สุทธิกลม ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นทั้งผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ จึงเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหายาเสพติดในเรือนจำได้ สำหรับนายนัทธีที่ถูกย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการไม่ใช่เป็นการลงโทษ ส่วนตำแหน่งรองปลัดกระทรวงและผอ.สำนักกิจการยุติธรรม ที่ยังว่างอยู่นั้น นายพีระพันธุ์จะพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมต่อไป

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาฯ ป.ป.ท. เผยภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า เคยเป็นรองอธิบดีดีเอสไอมาถึง 5 ปี จึงไม่รู้สึกหนักใจที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดีเอสไออีกครั้ง และจะตั้งใจทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ไม่กังวลต่อกระแสการต่อต้านภายในดีเอสไอ รวมถึงการออกใบปลิวโจมตีบทบาทการบริหารในป.ป.ท. ของตน และโจมตีไปถึงภรรยาของตนที่ทำงานในดีเอสไอ โดยการโยกย้ายในดีเอสไอจะทำเท่าที่จำเป็นและเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ

ผู้ สื่อข่าวถามถึงกรณีการเมืองที่มักแทรกแซงการทำงานในดีเอสไอทำให้มีการโยก ย้ายบ่อยครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล นายธาริต กล่าวว่า เป็นธรรมดาที่หน่วยงานให้คุณให้โทษมักจะถูกแทรกแซง แต่เชื่อว่าโครงสร้างการทำงานแบบคณะพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจะเป็นภูมิคุ้ม กันที่ดี รวมทั้งหากผู้บริหารหน่วยงานไม่เอนเอียงไปทางการเมืองสังคมจะเป็นภูมิคุ้ม กันให้ การเมืองไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย ข้าราชการประจำต้องทำงานตามนโยบาย โดยจะต้องมีระยะห่างที่เหมาะสม หากข้าราชการวางตัวได้ดีก็จะสร้างความมั่นใจให้กับคนในสังคม

สำหรับ ประวัตินายธาริตเริ่มรับราชการที่สำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อปี 2533 จากนั้นในปี 2544-2546 ขณะดำรงตำแหน่งอัยการจังหวัดประจำกรม ได้รับการทาบทามให้ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นทีมงานของนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษานายกฯ สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาได้ย้ายมาเป็นรองอธิบดีดีเอสไอนาน 5 ปี จึงได้รับการเสนอชื่อเป็นเลขาธิการป.ป.ท.

ด้านนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไรที่ถูกย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง เพราะพร้อมจะทำงานทุกตำแหน่ง ส่วนสาเหตุที่ถูกย้ายคาดว่า อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาทำงานสนองนโยบายได้ไม่เต็มที่ โดยก่อนหน้านี้ตนเก็บของใช้ส่วนตัวภายในห้องทำงานที่กรมราชทัณฑ์เรียบร้อย แล้ว

สำหรับพ.ต.อ.ทวีและนายนัทธีถูกจับตาจะโยกย้ายหลังเปลี่ยนแปลง รัฐบาล เพราะถูกมองว่าเป็นขั้วอำนาจเก่าและทำงานไม่สนองนโยบาย ซึ่งสอดรับกับทวิตเตอร์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โพสต์ข้อความระบุว่าใน สัปดาห์นี้จะมีคนที่เคยทำงานใกล้ชิดถูกโยกย้าย 2 ตำแหน่ง โดยก่อนหน้านี้มีความพยายามจะย้ายพ.ต.อ.ทวีมาเป็นผู้ตรวจราชการ แต่ในที่สุดก่อนเริ่มประชุมครม.มีการสับเปลี่ยนรายชื่อในบัญชีแต่งตั้งโยก ย้ายภายในกระทรวงยุติธรรมอีกครั้ง โดยนายนัทธีถูกส่งมาเข้ากรุผู้ตรวจราชการแทน เพราะฝ่ายการเมืองไม่พอใจที่มีการสั่งซื้อขายยาเสพติดในเรือนจำ อีกทั้งยังมีปัญหาความไม่พอใจหลังรัฐบาลเปลี่ยนแปลงวิธีการประมูลข้าวใน เรือนจำทั่วประเทศ โดยตัดลดค่าอาหารนักโทษและเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อจากการเปิดประมูลอย่างเสรี มาใช้วิธีซื้อตรงจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกรมราชทัณฑ์โต้แย้งว่าอาจมีปัญหาการจัดส่งข้าวไม่ทันกำหนด เพราะหน่วยงานของรัฐไม่มีสต็อกข้าว สุดท้ายก็จะหนีไม่พ้นวงจรการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้เป็นตัวแทนส่งข้าวให้เรือน จำ

ในส่วนของอธิบดีกรมบังคับคดีที่ก่อนหน้านี้ มีแคนดิเดตหลายคน ได้แก่ นางลางน้อย ปาลวัฒน์วิไชย รองอธิบดีกรมบังคับคดี นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวง นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ รองปลัดกระทรวง แต่สุดท้ายนางชูจิรา กองแก้ว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กลับได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งทั้งที่นางชูจิราเป็นผู้ที่มีความสนิทสนมกับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สำหรับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ของพล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ ซึ่งเป็นอีก 1 ตำแหน่งที่ถูกมองว่าจะถูกโยกย้ายเข้ามาเป็นรองปลัดกระทรวงหรือผู้ตรวจราชการ กระทรวง แต่ในที่สุดกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ขณะนี้มีตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมยังว่างอีก 1 ตำแหน่ง

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งนางชูจิราเป็นอธิบดีกรมบังคับคดี สร้างความประหลาดใจให้ข้าราชการทุกระดับในกระทรวงยุติธรรม เนื่อง จากเป็นตำแหน่งที่พลิกความคาดหมาย เพราะนางชูจิรามีความใกล้ชิดขั้วอำนาจเก่า เคยไปช่วยงานให้กับนายสมชายทั้งที่กระทรวงศึกษาธิการและทำเนียบรัฐบาล โดยรายชื่อของนางชูจิราไม่เคยติดอยู่ในโผโยกย้ายก่อนหน้าแต่กลับถูกใส่ชื่อ เข้าไปก่อนที่การประชุมครม.จะเริ่มต้นขึ้น

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรฯ เสนอแต่งตั้งโยกย้ายดังนี้ นายสิงห์ทอง ชินวรรังสี ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวง นายจิรากร โกศัยเสวี รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายวิทย์ ประทักษ์ใจ เป็นผอ.สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง รับเงินเดือน 108,810 บาท แทนนายสายัณห์ เกี่ยวข้องที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากปฏิบัติงานครบกำหนดตามสัญญาจ้าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.2552 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ครม.ยังอนุมัติตามที่สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอแต่งตั้งนายสุวัฒน์ วาณีสุบุตร ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน และนายปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน เป็นรองเลขาธิการสศช. ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป อนุมัติตามที่กระทรวงไอซีที เสนอแต่งตั้งนางจิราวรรณ บุญเพิ่ม รองผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นผอ.สำนักงานสถิติแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมครม.ว่า ครม.มีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการสังกัดศธ.ระดับ 10 จำนวน 14 ราย 1.นายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา ผู้ตรวจราชการเป็นรองปลัดศธ.2.นายนิวัตร นาคะเวช ผู้ตรวจราชการเป็นรองปลัดศธ.3.นายสุนันท์ เทพศรี ผู้ตรวจราชการ เป็นรองเลขาธิ การคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) 4.นายประดิษฐ์ ระสิตานนท์ ผู้ตรวจราชการเป็นรองเลขาธิการกอศ.5.นายอกนิษฐ์ คลังแสง รองเลขาธิการกอศ. เป็นผู้ตรวจราชการ 6.นาย นพพร สุวรรณรุจิ เป็นรองเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) 7.นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เป็นรองเลขาธิการสกศ.8.นายสรรค์ วรอินทร์ เป็นรองเลขาธิการกกอ. 9.นางศิริพร กิจเกื้อกูล เป็นรองเลขาธิการกอศ. 10.นายพันธุ์ศักดิ์ โรจนากาศ เป็นผู้ตรวจราชการ 11.นางแน่งน้อย พัวพัฒนกุล เป็นผู้ตรวจราชการศธ. 12.นางสุทธศรี วงษ์สมาน เป็นผู้ตรวจราชการศธ. 13.นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ เป็น ผู้ตรวจราชการศธ. และ 14.นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เป็นผู้ตรวจราชการศธ.

boyshowข่าว

เตเบซกด2เม็ดพา"เรือใบ"เปรี้ยง แฟนชูสปิริตหอกฟ้าขาว




เสียบเสา- คาร์ลอส เตเบซ กองหน้าแมนฯซิตี้ สับไกยิงผ่านมือโรเบิร์ต กรีน นายทวารเวสต์แฮมเข้าไปตุงตาข่ายในฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ที่สนามซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ จบเกมแมนฯซิตี้เอาชนะไป 3-1 เมื่อ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา

คา ร์ลอส เตเบซ เหมาคนเดียว 2 ประตู พาทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม "ขุนค้อน"เวสต์แฮม 3-1 ในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดมันเดย์ไนต์ คืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

เตเบซยิงประตูให้แมนฯ ซิตี้ นำ 1-0 ตั้งแต่ 5 นาทีแรกของเกม และกองหน้าอาร์เจนไตน์ก็ไม่ได้ฉลองการทำประตู โดยยกมือเป็น การขอโทษอดีตแฟนบอลต้นสังกัดเก่า ซึ่งเหล่าสาวกขุนค้อนต่างปรบมือให้

เรือ ใบสีฟ้าขึ้นนำไปถึงนาทีที่ 24 ก็โดนทีมเยือนทวงคืนเมื่อ ราโดสลาฟ โควัช ยิงไปแฉลบ คาร์ลตั้น โคล ดาวยิงร่วมทีมเข้าประตูไป แต่มาร์ติน เปตรอฟ มายิงฟรีคิกให้เจ้าถิ่นนำเป็น 2-1 ในอีก 8 นาทีถัดมา ก่อนมาหนีห่างเป็น 3-1 ในนาทีที่ 61 จากจังหวะฟรีคิก เคร็ก เบลลามี่ เปิดไปหน้าประตูเตเบซขึ้นโหม่งโล่งๆ ช่วยให้แมนฯ ซิตี้ เอาชนะไปด้วยสกอร์ 3-1 เรียกศรัทธากลับคืนมาได้ทันควัน หลังสุดสัปดาห์ที่แล้วพ่ายแมนฯยู 3-4

ชัย ชนะนัดนี้ ส่งผลให้แมนฯ ซิตี้ มีเพิ่มเป็น 15 คะแนน จาก 6 นัด แต้มเท่ากับอันดับ 3 ลิเวอร์พูล และอันดับ 4 สเปอร์ แต่มีประตู ได้เสียแย่กว่า จึงรั้งอันดับ 5 อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ เตะน้อยกว่าทั้งลิเวอร์พูลและสเปอร์ 1 นัด ขณะที่เวสต์แฮม อยู่อันดับ 3 จากท้าย ตารางมี 4 แต้มเท่าเดิม

หลังจบเกม มาร์ก ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีมแมนฯ ซิตี้ กล่าวว่า "เป็นสิ่งที่ผมคาดหวัง นั่นคือมอบความสัมพันธ์ที่ดีที่เขามีต่อเวสต์แฮม และแฟนบอลของพวกเขา" ขณะเดียวกันฮิวจ์สพูดถึงเกมว่า "เรายอดเยี่ยมตั้งแต่ออกสตาร์ตจนจบเกม เราเล่นด้วยความมุ่งมั่น เรายังได้โรเก้ ซานตา ครูซ และ ไมเคิล จอห์นสัน กลับมาสู่ทีมด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมากสำหรับเรา ผมพอใจมากกับตัวเลือกที่เรามีอยู่ในขณะนี้"

ด้านจิอันฟรังโก้ โซล่า กุนซือเวสต์แฮม ออกมากล่าวชื่นชมความ เป็นสุภาพบุรุษของเตเบซ "เตเบซเป็นสุภาพบุรุษตัวจริง และเขาก็แสดงให้เห็นอีกครั้งในวันนี้ ผมซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำและแนวทางการเล่นของเขาในคืนนี้"

ด้านส่วนโซ ล่า รู้สึกผิดหวังที่ประตูของสกอตต์ ปาร์เกอร์ ถูกปฏิเสธ เพราะผู้ตัดสินมองว่าฟาวล์ โจลีออน เลสคอตต์ ก่อนขณะที่ตามอยู่ 1-2 "ครึ่งแรกเราทำได้ไม่ดีพอ คุณไม่สามารถมาเยือนสถานที่แบบนี้และให้ของขวัญกับทีมคู่แข่ง พวกเขาเป็นทีมที่ดีมากและพร้อมคว้าโอกาสความได้เปรียบ ไม่ปล่อยให้เรากลับมาได้ ผมคิดว่าเราดีกว่าตำแหน่งในตารางตอนนี้ แต่เรายังไม่สามารถโชว์ศักย ภาพออกมาให้เห็น เราทำได้เยี่ยมในการฝึกซ้อม แต่เราต้องทำได้เมื่อลงสนามด้วย"

boyshow

ขยี้สาวพิการจนมุม "คลิป"มัด! ที่แท้พี่ตุ๊ด-หนุ่มคู่ขา

ซื้อยาปลุกเซ็กซ์มากิน อุ้มน้องให้เพื่อนขืนใจ ตร.ล่าหลานแม่อีกคน ส่งตัวเหยื่อให้พม.ดูแล




วิตถาร- นางปวีณา หงสกุล พร้อมด้วยตำรวจบ้านหมอ จ.สระบุรี แถลงจับกุมนายนพดล ศรีนุช พี่ชายสาวพิการ ร่วมกับนายอานุช วงษ์เหมือน แฟนหนุ่มข่มขืนน้องสาวแล้วถ่ายคลิปไว้

จับ แล้วไอ้หื่นวิปริตข่มขืนสาวพิการจนตั้งท้องที่สระบุรี ที่แท้เป็นคู่ขาของพี่ชายที่เป็นรักร่วมเพศ ไปซื้อยาปลุกเซ็กซ์มากินจนเกิดอารมณ์ไร้สติ พี่ชายไปอุ้มสาวพิการเคราะห์ร้ายมาให้ข่มขืน แถมยังแสดงอาการโรคจิตถ่ายคลิปไว้ทุกขั้นตอนโดยไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะร่วมเพศวิตถารกับคู่ขาอีก จนน้องสาวตั้งท้องหลายเดือน กรรมตามสนองจนได้หลังเอาโทรศัพท์มือถือไปขายให้น้าชาย เลยเจอคลิปเป็นหลักฐานมัด ตร.ออกหมายจับ แฉยังมีอีกหลานชายของแม่อีกคนที่เคยร่วมก่อกรรมกับสาวรายนี้ด้วย ตร.เร่งล่าตัวมาดำเนินคดีแล้ว

จากเหตุการณ์นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วยนายชาคร วัฒนสินธุ์ นายอำเภอบ้านหมอ จ.สระ บุรี พ.ต.ท.ณรงค์ แสวงจิตต์ รองผกก.สส. ตรวจสอบบ้านที่หมู่ 3 ต.หรเทพ อ.บ้านหมอ จ.สระ บุรี หลังได้รับจดหมายร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ที่บ้านหลังดังกล่าวมีหญิงพิการซ้ำซ้อน เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก สติไม่สมประกอบ ถูกรุมโทรมข่มขืนจนตั้งครรภ์ จึงรีบช่วยเหลือส่งร.พ.บ้าน หมอ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 29 ก.ย. นางปวีณา หงสกุล เดินทางมาที่สภ. บ้านหมอ เข้าประชุมร่วมกับพ.ต.อ.กฤษณะ คุณากร ผกก. พ.ต.ท.นรงค์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.นที สิริวรวัชร์ รองผกก.ปป. นำคลิปวิดีโอหลักฐานมาเปิดดูประกอบคดี จับกุมตัวนายนพดล ศรีนุช อายุ 24 ปี พี่ชายน.ส.เอ (นามสมมติ) สาวพิการที่ถูกข่มขืน และนายอานุช วงษ์เหมือน อายุ 32 ปี แฟนหนุ่มรักร่วมเพศของนายนพดล

จากนั้นนางปวีณาและเจ้าหน้าที่ตำรวจนำ ผู้ต้องหาแถลงข่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. น้าชายของน.ส.เอ นำโทรศัพท์มือถือโนเกีย รุ่น N 70 มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในโทรศัพท์มีคลิปวิดีโอ ขณะที่นายอานุชกำลังข่มขืนน.ส.เอ ความยาว 7 นาที เจ้าหน้าที่จึงใช้เป็นหลักฐานขอออกหมายจับนายอานุชและนายนพดลในฐานะคนถ่าย คลิปวิดีโอ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณเดือนก.พ.ที่ผ่านมา นายนพดลและนายอานุชซื้อยาปลุกเซ็กซ์มาจากตลาดอ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา นำมากินเพื่อปลุกเซ็กซ์ เนื่องจากนายอานุชเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เมื่อกินยาแล้วมีอาการมึนงง เกิดอารมณ์ทางเพศ นายนพดลไปอุ้มน.ส.เอน้องสาวมาให้นายอานุชข่มขืนต่อหน้าต่อตา โดยนึกสนุกใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ด้วย หลังข่มขืนน.ส.เอเสร็จแล้ว นายอานุชยังมีเพศสัมพันธ์แบบวิตถารร่วมเพศกับนายนพดลซ้ำอีก

ต่อมานาย นพดลขายโทรศัพท์ให้กับน้าชายในราคา 2,000 บาท เมื่อน้าชายเปิดโทรศัพท์พบว่ามีคลิปดังกล่าว จึงนำมามอบให้ตำรวจจนจับกุมทั้งสองคนได้ อย่างไรก็ตามจากการสอบพยาน ยังมีหลานชายอีกคนที่ข่มขืนน.ส.เอด้วย ซึ่งจะได้ติดตามมาดำเนินคดีต่อไป สำหรับนายอานุชและนายนพดล เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้

จาก นั้นนางปวีณาเดินทางมาที่ร.พ.บ้านหมอ เพื่อเยี่ยมอาการน.ส.เอ โดยพูดคุยกับแพทย์พยาบาลให้ดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งแพทย์แจ้งว่าน.ส.เอมีกำหนดคลอดประมาณวันที่ 17 พ.ย. นี้ แต่จำเป็นต้องผ่าตัดเอาเด็กออกก่อนกำหนดประมาณวันที่ 4 พ.ย. จากนั้นนางปวีณาประ สานงานกับนางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระ ทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อให้นำตัวน.ส.เอไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพบ้านเกร็ด จ.นนทบุรี ในวันที่ 30 ก.ย. เวลา 10.00 น.

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะเปิดเผย ว่า การที่จับคนร้ายได้ในครั้งนี้ เพราะทางมูลนิธิปวีณาฯ ลงมาช่วยเหลือจนเป็นข่าวเกรียวกราว ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่สนใจคดีนี้เป็นอย่างมาก จนทำให้น้าชายผู้ต้องหา นำคลิปในโทรศัพท์มือถือส่งให้ตำรวจ จึงนำมาขยายผลและจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้อย่างทันที นอกจากนี้ยังมีพยานปากสำคัญอีกคนหนึ่งให้การว่า เคยเห็นนายจง ไม่ทราบนาม สกุลหลานชายของแม่น.สเอเคยข่มขืนน.ส.เอด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับต่อไป